เกร็ดความรู้! ประเภทของสูท มีกี่ประเภท? แตกต่างกันยังไง? เลือกชุดสูทให้เหมาะกับรูปร่าง

1.1 สูทแบบอเมริกัน

สูทแบบอเมริกัน เป็นแบบที่เน้นความคล่องตัว ไม่ฟิตจนเกินไป สามารถใส่ได้หลายโอกาสทั้งงานที่เป็นทางงาน กึ่งทางการ การเจรจาธุรกิจ ให้ความรู้สึกสมาร์ทแต่ไม่อึดอัด ไม่ถึงกับเน้นจนเห็นสัดส่วนชัดเจน ทั้งเสื้อและกางเกง ข้อสังเกตของสูทแบบนี้คือจะไม่มี Shoulder Pad หรือแผ่นเสริมไหล่ มีรอยผ่าหลังแค่รอยเดียว ที่ปลายแขนและชายเสื้อมีกระดุม 3 เม็ด รวมถึงกางเกงไม่มีการแต่งจีบ

1.2 สูทแบบอังกฤษ

สูทแบบอังกฤษ ประเภทของสูตร อีกแบบที่คุ้นเคยกันมายาวนานในแบบผู้ดีอังกฤษ สูทแบบนี้จะมีองค์ประกอบคือ เสื้อเชิ้ต, แจ็กเก็ตสูท และ กางเกงขายาว จุดเด่นคือมี Shoulder Pad ต่างจากสูทแบบอเมริกัน มีรอยผ่าทั้งซ้ายและขวาที่ด้านหลังป้องกันสูทยับ ในส่วนของกางเกงนั้นจะเน้นแบบเอวสูงมีการแต่งจีบ

1.3 สูทแบบอิตาลี

สูทแบบอิตาลี ประเภทของสูตรผู้ชายแบบสุดท้ายก็คือสูทสไตล์อิตาลี ซึ่งด้วยความเป็นเมืองแฟชั่นทำให้สูทสไตล์นี้ค่อนข้างมีลูกเล่นในการออกแบบที่หลากหลาย ทั้งรูปแบบการตัดเย็บ สีสันและลวดลาย ไม่เน้นความเป็นทางการมากนัก จุดเด่นคือมี Shoulder Pad ที่หนากว่าแบบอื่น เน้นสัดส่วนแบบเข้าทรง ไม่มีรอยผ่าด้านหลัง โดยแทนที่ด้วยปลายโค้งรูปตัววี (V) กระดุมเป็นแบบสองเม็ดเรียงเดี่ยว กางเกงเป็นทรงกระบอกเล็กเข้ารูปความยาวพอดีกับขาของผู้สวมใส่

2.1 สูทแบบ Tailored

สูทแบบ Tailored เรียกง่ายๆ ว่าเป็นสูทแบบสั่งตัด ต้องมีการวัดสัดส่วนอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ชิ้นงานและเนื้อผ้าตามต้องการ เน้นการสวมใส่ในองค์กร หรือโอกาสที่ค่อนข้างเป็นทางการ ราคาค่อนข้างแพงกว่าแบบอื่น

2.2 สูทแบบ Jacket

สูทแบบ Jacket หรือ Doublet แต่เดิมนั้นจะเน้นการตัดเย็บแบบรัดรูปหรือเข้าทรง ตามสมัยนิยมเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 แต่ในปัจจุบันนิยามของ Jacket Suits มักจะหมายถึงเสื้อนอกที่เอาไว้สวมทับเสื้อเสื้อชั้นในอีกที มีทั้งแบบไม่เป็นทางการ แบบแฟชั่น และแบบทางการ

2.3 สูทแบบ Blazer

สูทแบบ Blazer เป็นสูทที่ไม่เน้นความเป็นทางการ มีความยาวมากกว่า Jacket Suits สวมใส่สบาย มีหลากหลายแบบให้เลือกกัน สามารถประยุกต์เข้ากับการแต่งกายได้หลายแบบ ใส่ได้หลายโอกาส ค่อนข้างได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะในความเรียบง่ายแฝงเอาไว้ด้วยสไตล์ที่เลือกได้ตามความชื่นชอบของแต่ละคน

• ผู้ชายผอมสูง ควรเลือกสูทที่ตัดเย็บด้วยผ้าที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก อาทิ ผ้า Worsted Wool หรือ ผ้าทวีต ที่ช่วยให้สัดส่วนไม่ดูสูงมากจนเกินไป เพิ่มความสมาร์ทด้วยกระดุมแบบสามเม็ด เน้นโทนสีที่ไม่เข้มจนเกินไป ส่วนกางเกงไม่ควรเป็นแบบที่เอวสูงเพราะจะยิ่งทำให้คุณดูสูงขึ้นไปอีก
  
• ผู้ชายร่างเล็ก ควรเลือกสูทที่ตัดเย็บแบบ Slim Fit หรือแบบเข้ารูป ที่พอดีกับรูปร่างแต่ไม่คับแน่นจนรู้สึกอึดอัด เน้นกางเกงแบบขาเต่อขอบกางเกงสูงกว่ารองเท้าเล็กน้อย จะขับให้คุณดูสูงขึ้น ทั้งนี้ควรเลี่ยงกางเกงที่ฟิตจนเกินไป
  
• ผู้ชายร่างใหญ่ ควรเลือกสูทแบบสั่งตัดเป็นอันดับแรกเพราะจะช่วยให้ออกมาพอดีกับรูปร่างและสัดส่วนของคุณโดยไม่ดูเทอะทะหรือคับแน่นมากจนเกินไปเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย และควรเลือกผ้าที่มีสีเข้มช่วยพรางความหนาของลำตัว ส่วนกางเกงควรเป็นกางเกงขาสอบ  ขาเดฟเล็กน้อยและมีเอวสูง

• ผู้หญิงหุ่นนาฬิกาทราย รูปร่างสมส่วน มีทรวดทรงองค์เอว เรียกว่าหุ่นดีขนาดนี้ควรเลือกสูทแบบ Slim Fit หรือสูทแบบแฟชั่นที่ตัวเองชอบ เรียกว่ามีตัวเลือกเยอะเลยทีเดียว
  
• ผู้หญิงหุ่นลูกแพร์ หรือแบบช่วงบนเล็กช่วงล่างใหญ่ ควรเลือกสูทแบบเรียบๆ ใส่สบายตัว ไม่ว่าจะซื้อหรือสั่งตัดก็ตาม เคล็ดลับอย่างหนึ่งก็คือการติดเข็มกลัดที่หน้าอกหรือปกเสื้อเพื่อช่วยลดความสนใจจากร่างกายส่วนล่าง
  
• ผู้หญิงหุ่นทรงกระบอก ที่ทุกสัดส่วนดูจะเป็นเส้นตรง ควรเลือกสูทที่มีขนาดหลวมเล็กน้อย ชายเสื้อบานออก เพื่อขับให้คุณดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้น
  
• ผู้หญิงหุ่นแอปเปิล รูปร่างใหญ่ เอวหนา ควรเลือกสูทที่ค่อนข้างหลวม หลีกเลี่ยงทรง Slim Fit เพราะจะยิ่งทำให้เราดูตัวใหญ่ขึ้นไปอีก